ตัวอย่างตัวชี้วัดกลุ่มนี้: Moving Average (MA), Exponential Moving Average (EMA), Parabolic SAR, Average Directional Index (ADX), Moving Average Convergence Divergence (MACD)
วิธีการใช้ Moving Average (MA): MA คำนวณจากการเฉลี่ยราคาปิดของแท่งเทียนตามจำนวนช่วงเวลาที่กำหนด สูตร Moving Average (n) = (P1 + P2 + P3 + … + Pn) / n
เมื่อใช้เส้น MA 4 เส้นพร้อมกัน (เช่น 5, 20, 75, 200) ลำดับการเรียงตัวจะบ่งบอกแนวโน้ม:
На этой странице может содержаться сторонний контент, который предоставляется исключительно в информационных целях (не в качестве заявлений/гарантий) и не должен рассматриваться как поддержка взглядов компании Gate или как финансовый или профессиональный совет. Подробности смотрите в разделе «Отказ от ответственности» .
Понимание индикатора Forex через 4 группы показателей, которые должен знать трейдер
Indicator Forex คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ
ตัวชี้วัด Indicator Forex นับเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่เกือบทุกนักเทรดต้องพึ่งพา แนวคิดหลัก ๆ คือ ราคาในตลาดอาจมีการเคลื่อนไหวที่ยุ่งเหยิงในช่วงสั้น แต่ข้อมูลทางเทคนิคที่คำนวณจากราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ราคาปิด และปริมาณการซื้อขาย มักจะเปิดเผยความจริงของตลาดได้อย่างชัดเจน
Indicator Forex จึงเป็น ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่นำตัวแปรราคาและปริมาณมาคำนวณแล้วแสดงผลเป็นกราฟ เพื่อให้ผู้เทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ยืนยันจุดเข้าออก และพัฒนากลยุทธ์การเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มหลักของ Indicator Forex ที่ควรศึกษา
Indicator มีหลากหลายประเภท แต่เมื่อจัดกลุ่มตามหน้าที่จะได้เห็นว่าตัวไหนช่วยอะไร จึงแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก
1. Trend Indicators – ตัวชี้วัดแนวโน้ม
กลุ่มนี้ช่วยบอกว่าตลาดกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางไหน ขาขึ้น ขาลง หรือไม่มีแนวโน้ม (sideway) อินดิเคเตอร์ประเภทนี้คำนวณจากราคาเฉลี่ยย้อนหลัง
ตัวอย่างตัวชี้วัดกลุ่มนี้: Moving Average (MA), Exponential Moving Average (EMA), Parabolic SAR, Average Directional Index (ADX), Moving Average Convergence Divergence (MACD)
วิธีการใช้ Moving Average (MA): MA คำนวณจากการเฉลี่ยราคาปิดของแท่งเทียนตามจำนวนช่วงเวลาที่กำหนด สูตร Moving Average (n) = (P1 + P2 + P3 + … + Pn) / n
เมื่อใช้เส้น MA 4 เส้นพร้อมกัน (เช่น 5, 20, 75, 200) ลำดับการเรียงตัวจะบ่งบอกแนวโน้ม:
2. Momentum Indicators – ตัวชี้วัดโมเมนตัม
ตัวชี้วัดกลุ่มนี้วัดความเร็วและความแรงของการเปลี่ยนแปลงราคา ช่วยบอกจุดกลับตัวในระยะสั้นและภาวะซื้อ-ขายมากเกินไป บางตัวในกลุ่มนี้เรียกว่า oscillators เพราะเคลื่อนไหวในช่วง 0-100
ตัวอย่างตัวชี้วัดกลุ่มนี้: Relative Strength Index (RSI), Stochastic, Ichimoku Cloud
วิธีการใช้ RSI: RSI เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของวันที่ราคาปรับขึ้นกับวันที่ราคาปรับลง คำนวณจาก RSI = 100 - (100/(1+RS)) เมื่อ RS = ค่าเฉลี่ยของวันขึ้น / ค่าเฉลี่ยของวันลง
การอ่านค่า RSI:
3. Volatility Indicators – ตัวชี้วัดความผันผวน
ตัวชี้วัดนี้วัดความกว้างของช่วงราคา ไม่ได้บอกทิศทาง แต่บอกว่าราคามีการแกว่งตัวกว้างแค่ไหน ซึ่งช่วยให้นักเทรดกำหนดกลยุทธ์การเทรดตามความผันผวนได้
ตัวอย่างตัวชี้วัดกลุ่มนี้: Bollinger Bands
วิธีการใช้ Bollinger Bands: มี 3 เส้น - เส้นกลาง (MA 20), เส้นบน และเส้นล่าง (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ×2)
สูตร:
เมื่อเส้น 2SD ถ่างกว้าง = ความผันผวนสูง ปัญหาคือราคากำลังเคลื่อนไหวอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อบีบแคบ = ความผันผวนต่ำ อาจจะก่อนการปะทะขึ้น
4. Volume Indicators – ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย
ตัวชี้วัดนี้บอกปริมาณการซื้อขายและทิศทางเงิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องยืนยันการเปลี่ยนแปลงราคา ไม่งั้นการปรับตัวราคาก็อาจจะลม
ตัวอย่างตัวชี้วัดกลุ่มนี้: On-Balance Volume (OBV), Chaikin Money Flow
วิธีการใช้ OBV: OBV เปรียบเทียบปริมาณของวันที่ราคาขึ้นกับวันที่ราคาลง คำนวณ:
การอ่านค่า OBV:
การประยุกต์ใช้ Indicator Forex ในการเทรด
สำหรับนักเทรดมือใหม่ คำแนะนำคือไม่ต้องใช้Indicatorหลายตัวพร้อมกัน เริ่มต้นด้วยการเลือก 1-2 ตัวจากแต่ละกลุ่ม เช่น MA สำหรับแนวโน้ม RSI สำหรับโมเมนตัม และ Bollinger Bands สำหรับความผันผวน จากนั้นศึกษาวิธีการอ่านและใช้จนเชี่ยวชาญ
หลังจากเข้าใจ Indicator Forex พื้นฐาน ผู้เทรดสามารถ:
ความเชี่ยวชาญในการใช้ Indicator Forex จึงเป็นพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาเป็นนักเทรดมืออาชีพ